TOP

รู้ไว้ก่อนเข้ายิม กับเทรนด์ออกกำลังกายปี 2019 ที่ใช้เวลา ‘น้อย’ แต่ได้ผล ‘มาก’

ปัจจัยในการเลือกวิธีการออกกำลังกายของคุณคืออะไร? สำหรับหลายๆ คนเหตุผลหลักคือเรื่องของ ‘ไลฟ์สไตล์’ และ ‘เป้าหมาย’ บางคนมีเวลาน้อย แต่บางคนอยากทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันของชีวิต ขณะที่บางคนแค่อยากมีสุขภาพแข็งแรง แต่บางคนอยากสร้างกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง ความแตกต่างนี้ทำให้ยิมหรือเทรนเนอร์พยายามคิดค้นรูปแบบการออกกำลังกายใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่ตลอด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคน ซึ่งรูปแบบการออกกำลังกายในแต่ละปี จะสะท้อนให้เห็นภาพว่าคนรักสุขภาพในปีนั้นมีเงื่อนไขแบบไหน

ปี 2019 นี้ เราได้เห็นเทรนด์การออกกำลังที่มีจุดเด่นคล้ายๆ กันคือ ใช้เวลาไม่นาน และไม่ได้เล่นเพื่อสร้างกล้าม แต่เป็นเรื่องของการเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย ลดไขมัน เพื่อการมีสุขภาพที่ดีในชีวิตประจำวันมากกว่า เราจึงเลือกการออกกำลังกายแบบ F45 และ HIIT ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ทั่วโลกในขณะนี้มาให้คุณได้ลองทำความเข้าใจก่อนเดินเข้ายิมครั้งต่อไป

F45 Training

F45 มีที่มาจากประโยคเต็มๆ ว่า ‘Functional 45’ เป็นเทรนด์การออกกำลังกายมาแรงที่มีถิ่นกำเนิดจากยิมแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งออกตัวไว้ว่าเป็น “การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อแบบไร้ไขมัน” คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง แต่ในปัจจุบัน F45 มีแฟรนไชส์กว่า 1,300 แห่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ รวมถึงมีคนดังหลายคนไม่ว่าจะเป็น Hugh Jackman, Cardi B ก็เคยนิยมวิธีการออกกำลังกายนี้

สิ่งที่ทำให้ F45 กลายมาเป็นที่นิยม อาจเป็นเพราะไลฟ์สไตล์ที่คนเมืองมีเวลาในการออกกำลังกายน้อย รวมถึงโรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม อาการปวดเมื่อยล้าในชีวิตประจำวัน เพราะตัวตนจริงๆ ของ F45 คือส่วนผสมระหว่าง ‘การออกกำลังกายแบบกลุ่ม’ กับ ‘Functional Training’ หรือ FT นั่นเอง โดย F45 มีกำหนดระยะเวลาในการออกกำลังต่อครั้งเพียง 45 นาที และในแต่ละเซ็ตของการเล่น จะซอยย่อยออกไปเป็น 45 วินาทีต่อยก และพักอีก 15 วินาที ก่อนเริ่มยกใหม่ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีเวลาในการออกกำลังกายนานๆ และสามารถออกกำลังกายได้จบเซ็ตภายในเวลาที่กำหนดได้

ส่วนประกอบอีกอย่างของ F45 คือ FT ที่มาจากศัพท์เต็มๆ ว่า Functional Training ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่เน้น ‘การเคลื่อนไหว’ ไม่ได้เป็นเรื่องของการเล่นเพื่อให้เกิดกล้ามเนื้อโตๆ อย่างการยกเวท โดยท่าทางการเล่น FT จะถูกออกแบบตาม ’การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน’ เพื่อเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่เราใช้งานเป็นประจำให้แข็งแรงมากขึ้น และท่าเล่นก็จะเป็นท่าง่ายๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างการกระโดด การยก การดึง หรือการผลัก เป็นต้น ทำให้การออกกำลังกายแนวนี้เหมาะสำหรับเหล่าคนทำงานออฟฟิศ คนเมือง ที่ต้องการดูแลสุขภาพและเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ

HIIT

แม้จะฮิตมากสักพักหนึ่งจนถึงกับขึ้นเป็นเทรนด์การออกกำลังกายอันดับ 1 ของปี 2018 ตามการจัดลำดับของ ACSM แต่ในปีนี้ HIIT ก็ยังร้อนแรงไม่มี HIIT หรือชื่อเต็มๆ ว่า High Intensity Interval Training คือการออกกำลังแบบหนักหน่วงเข้มข้นในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพักมาทำกิจกรรมเบาๆ แล้ววนกลับไปออกกำลังหนักๆ อีกครั้ง ซึ่งการออกกำลังกายวิธีนี้มีจุดเด่นอยู่ที่จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมงหลังการออกกำลัง โดยอาจยาวนานได้ถึง 48 ชั่วโมงเลยทีเดียว

การออกกำลังกายประเภทนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเหล่านักวิ่ง ที่เหล่าเทรนเนอร์ได้พยายามหาวิธีมาฝึกฝนนักกีฬาของตัวเองให้มีขีดความสามารถที่สูงขึ้น แต่ HIIT ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนวิธีการไปตามยุคสมัยเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคนทั่วไป จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ HIIT คือในปี 2017 เทรนเนอร์ชาวเยอรมันได้ปรับให้การออกกำลังกายนี้ มีวิธีการที่ชัดเจนขึ้นในแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงในปี 2017 ทำให้ HIIT กลายมาเป็นการออกกำลังกายยอดนิยม ซึ่งนอกจากประโยชน์ด้านความสนุกแล้ว แล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ HIIT ยังเป็นที่นิยมก็คงเพราะไลฟ์สไตล์ของคนเมืองทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับการออกกำลังกายมากนัก หลายคนจึงเลือกพยายามเสาะหาวิธีที่ ‘ใช้เวลาน้อย แต่ได้ผลมาก’ ซึ่ง HIIT สามารถตอบความต้องการนี้ได้ทุกข้อ เพราะการออกกำลังแบบนี้ใช้เวลาแค่ 20-30 นาทีต่อครั้ง เพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยและการใช้ร่างกายที่หนักหน่วง เพราะมันคือการสลับกันระหว่างการทำคาร์ดิโอแบบเข้มข้นสุดๆ กับเบาที่สุด อย่างเช่น การออกตัววิ่งอย่างสุดแรงเกิด 30 วินาที ก่อนจะสลับเป็นวิ่งเหยาะๆ อีก 90 วินาที แล้วค่อยกลับไปวิ่งสุดแรงอีกครั้งเป็นลูปตามเซ็ตที่ตั้งไว้ราว 20 นาที