“Mercedes me” จับมือ “วันเดอร์ฟรุ๊ต” ชวนเหล่าวันเดอเรอร์สัมผัสมิติใหม่ด้านไลฟ์สไตล์จากแบรนด์ยนตรกรรมระดับโลก
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ชูแนวคิด “คัสตอมเมอร์ เซ็นทริค” (Customer Centric) เดินหน้ามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พร้อมสานต่อ “เมอร์เซเดส มี” (Mercedes me) โกลบอล เอ็กซ์พีเรียนซ์ แพลตฟอร์ม ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ตรงระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ล่าสุดร่วมมือกับ “วันเดอร์ฟรุ๊ต” (Wonderfruit) เฟสติวัลระดับโลกโดยคนไทย แสดงเจตนารมณ์ในการร่วมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในสังคม ผ่านกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ทั้งศิลปะ ดนตรี และอาหาร ที่เน้นย้ำเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกรายละเอียด ให้เหล่าวันเดอเรอร์จากทั่วโลก ได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคมนี้ ณ เดอะ ฟิลด์ แอท สยามคันทรี คลับ
มร. โรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงให้ความสำคัญกับแนวคิด ‘Customer Centric’ ที่เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกมิติ ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงสานต่อกลยุทธ์ ‘Best Customer Experience’ อันเป็นนโยบายหลัก ที่ผสานแนวทางด้านการตลาด การขาย และการบริการหลังการขายเข้าไว้ด้วยกัน โดย ‘Mercedes me’ เป็นหนึ่งในโกลบอล เอ็กซ์พีเรียนซ์ แพลตฟอร์ม ที่สะท้อนจิตวิญญาณของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการนำเสนอนวัตกรรม และประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค อยู่เสมอ”
“และเพื่อเป็นการสานต่อ ‘Mercedes me’ ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ‘วันเดอร์ฟรุ๊ต’ (Wonderfruit) เฟสติวัลระดับโลกที่จัดขึ้นโดยคนไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงแนวคิดที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วยการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการ สร้างชุมชนแห่งความยั่งยืน นำเสนอในรูปแบบของไลฟ์สไตล์เฟสติวัลที่ช่วยให้ทุกคนได้เข้าถึงแนวคิดด้านความยั่งยืน และตระหนักถึงการสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้มากขึ้น ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การเปิดตัวแบรนด์เทคโนโลยี ‘EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz’ เพื่อปูทางไปสู่การขับขี่แบบปลอดการปล่อยไอเสีย หรือซีโร่ อีมิชชั่น (Zero Emission) โดยการร่วมมือกับวันเดอร์ฟรุ๊ตในครั้งนี้ ‘เมอร์เซเดส-เบนซ์’ ถือเป็นแบรนด์ยนตรกรรมแบรนด์แรก และแบรนด์เดียว ที่ร่วมสื่อสารถึงเจตนารมณ์ในการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในสังคมผ่านการใช้โกลบอล เอ็กซ์พีเรียนซ์ แพลตฟอร์มอย่าง ‘Mercedes me’ ในการถ่ายทอดประสบการณ์สร้างสรรค์ที่ดีที่สุด ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งยังตอบความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ” มร. โรลันด์ กล่าวเสริม
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes me เป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อของประสบการณ์ ที่จะให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มที่เป็นลูกค้าและบุคคลทั่วไปให้รู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ได้มากขึ้น ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุด ผ่านอาหาร ศิลปะ และดนตรีภายใต้คอนเซปต์ที่โดดเด่น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง และความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานใหม่ของการมอบประสบการณ์ ที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยกิจกรรมที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จัดขึ้นภายใต้แพลตฟอร์ม Mercedes me ล้วนได้รับการตอบรับและถูกพูดถึงในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช็อกโกแลตบาร์แห่งแรกของเมืองไทย ไปจนถึงการเปิดสไตลิช ลีฟวิ่ง สเปซ ที่ใหญ่ ที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการรวบรวม “สิ่งที่ดีที่สุด” ในหลากหลายด้านไว้ในที่เดียว ซึ่งผลตอบรับต่างๆ ดังจะเห็นได้จากยอดผู้เข้าใช้บริการตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือนที่เปิดให้บริการมีผู้สนใจเข้ามารับประทานอาหาร และเยี่ยมชมร้านมากกว่า 20,000 คน อีกทั้งยังมีการติดแฮชแท็กและเช็คอินผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งในเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมกว่า 5,000 ครั้ง การร่วมมือกับวันเดอร์ฟรุ๊ตในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะได้สร้างปรากฎการณ์ด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่และความประทับใจให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง”
“สำหรับไฮไลท์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมมอบให้กับเหล่าวันเดอเรอร์จากทั่วโลกที่เตรียม เข้าร่วมงานในครั้งนี้ คือ “me @SOT” (มี แอท เอสโอที) เออร์เบิน สเปซ ที่รวบรวมที่สุดของประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองมาให้เหล่าวันเดอร์เรอร์ได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มตลอดโปรแกรมการจัดงาน มีการออกแบบพื้นที่จัดงานโดยผสานศิลปะแบบ “อานามอร์ฟิค” (Anamorphic installation) ศิลปะลวงตาที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาสัมผัส ตลอดจนการนำเสนอ Signature Menu by ‘me’ เมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟจากกลุ่มร้านอาหารชื่อดังย่านทองหล่อ ที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับงานวันเดอร์ฟรุ๊ตโดยเฉพาะ รวมถึงการแสดงดนตรีจากเหล่าศิลปินชื่อดังหลากหลายแนวของเมืองไทยและต่างประเทศ อาทิ TWOPEE Southside ภูมิ-วิภูริศ ศิริทิพย์ (Phum Viphurit) Kweku Collins และ Skratch Bastid เป็นต้น” มร.ฟรังค์ กล่าวสรุป
งาน ‘วันเดอร์ฟรุ๊ต 2018’ จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคมนี้ ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรี คลับ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อบัตร และการจองที่พักได้ที่เว็บไซต์ของวันเดอร์ฟรุ๊ต www.wonderfruit.co