TOP
h
  /  LIFESTYLE

โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มาตรฐานระดับโลกจากอเมริกา ชวนเช็กอินเสาร์ที่ 26 ต.ค. 67 ให้ผู้ปกครองร่วมสัมผัสกับบรรยากาศการเรียนการสอนจริง พร้อมพาบุตรหลานเข้าร่วม Workshop ในกิจกรรม OPEN HOUSE ! เบซิส กรุงเทพฯ (BASIS International School Bangkok) โรงเรียนนานาชาติระดับโลก ลำดับที่ 35 ในเครือข่ายโรงเรียน BASIS Network School จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีหลักสูตรเฉพาะที่ถูกออกแบบและพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนที่ดีที่สุดในอเมริกา เบซิส เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนจบมัธยมปลายที่ Grade 12 นับเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มข้นทางวิชาการ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของนักเรียนอย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนประสบความสำเร็จตามศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตและแข่งขันได้ในระดับสากล โรงเรียนเครือข่ายเบซิสสามารถผลักดันให้นักเรียนก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกมาแล้วมากมาย และสร้างชื่อเสียงในฐานะบุคลากรคุณภาพในสังคมโลก  นับเป็นความมุ่งหมายสูงสุดในการนำพา เบซิส กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่ความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับการบูรณาการหลักสูตรให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ปลูกฝังความเป็นไทยในทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานในระดับสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่ เบซิส กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดของประเทศไทยไปแล้ว นอกจากเบซิส กรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญด้านวิชาการมาเป็นอันดับหนึ่ง สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมีคุณภาพ ยังเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นพบความชอบของตนเองอีกด้วย การคัดสรรบุคลากรครูผู้สอนแต่ละท่านเปี่ยมด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนจะสามารถเป็นเลิศได้  โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ พร้อมแล้ว ที่จะเปิดบ้านครั้งใหม่ ในกิจกรรม Open House ให้เข้าเยี่ยมชมสถานที่และไขข้อสงสัยว่า… ทำไมเด็กนักเรียนเบซิส จึงอยากมาเรียนทุกวัน อีกทั้งยังได้สัมผัสกับบรรยากาศการเรียนการสอนจริง ในห้องเรียนที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อันทันสมัย ประกอบด้วยครูผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญถึง 2 ท่าน (SET&LET) โดยครู SET จะเป็นครูชำนาญการสอนเฉพาะทางในสาขาวิชาต่าง ๆ (Subject Expert Teacher) และครู LET จะเป็นครูผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมการเรียนรู้ (Learning Expert Teacher) ในการพัฒนาต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ และหลักสูตรที่มุ้งเน้นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต  📅 กิจกรรม Open House จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2567 ⏰ เวลา 08.00 – 11.30 น. 📱 ลงทะเบียน : https://forms.gle/q7mBHmbXvN5qq3yT9   ☎️ สอบถามเพิ่มเติม: โทร. 0 2415 0099 📧 Email: admissions@basis.ac.th 🌐 LINE: @BASISAdmissions

ท้องทะลอันงดงามเงียบสงบ การออกแบบตกแต่งที่สวยงามลงตัว พร้อมการต้อนรับขับสู้อย่างจริงใจ ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ไม่อาจมองข้าม และทำให้ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และเดอะบาราย คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในหัวหิน ที่ดึงดูดใจให้คุณอยากไปเยือนอยู่เสมอ ท่ามกลางสวนสวยสไตล์เขตร้อนและหาดทรายขาวของท้องทะเลอ่าวไทย โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และเดอะบาราย ถูกออกแบบอย่างร่วมสมัย ในรูปแบบอาคารโลว์-ไรซ์ สอดแทรกไปตามร่มไม้อันเขียวขจี อาคารต่าง ๆ ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 213 ห้องและห้องสวีท วิวสวนและเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ โดยมีการแบ่งห้องพักเป็น 3 รูปแบบให้คุณได้เลือกพักตามต้องการ ทั้งห้องสแตนดาร์ตและห้องดีลักซ์ ห้องรีเจนซี่คลับและห้องสวีท และเดอะบารายสวีท พร้อมยกระดับการเข้าพักของคุณด้วย Regency Club เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดพิเศษ เช่น เลานจ์ส่วนตัวพร้อมของว่าง เครื่องดื่มสร้างความสดชื่นฟรี และค็อกเทลยามเย็น โดยมีพนักงานคอยให้บริการ ซึ่งบริการเหล่านี้จะได้รับเมื่อเข้าพัก ห้อง Regency Club Room, ห้อง Regency Club Deluxe Room, ห้อง Regency Club View Room, ห้อง Regency Suite, ห้อง Regency Executive Suite และ ห้อง Premier Suite/ Premier View Suite นอกจากนี้ยังมี The Barai Balcony Suite กับขนาดห้องที่กว้างขวางถึง 144 ตร.ม. มีระเบียงวิวทะเล เตียงคิงไซส์ วอล์กอินโคลเซ็ต พื้นที่ทำทรีตเมนท์สปา ห้องอบไอน้ำ อ่างอาบน้ำกว้างขวาง ห้องรับประทานอาหาร บริการผู้ช่วยส่วนตัว พร้อมสิทธิการเข้าใช้คลับเลานจ์และสปาฟรี ส่วน The Barai Pool Suite นั้นมาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว Presidential Pool Villa เป็นวิลล่าริมชายหาดที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 227 ตร.ม. มีระเบียงอีก 207 ตร.ม มาพร้อมสระว่ายน้ำ สวน พื้นที่อาบแดด ห้องครัว ห้องนั่งเล่น พื้นที่ทำงาน และเตียงควีนไซส์หรูหรา 2 เตียง บริการพ่อบ้าน รวมถึงเอกสิทธิ์สิทธิ์เข้าใช้บริการคลับเลานจ์เช่นกัน ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน ยังนำเสนอตัวเลือกอันหลากหลายในการรับประทานอาหาร เริ่มต้นด้วย ร้านอาหาร Figs ที่ให้บริการอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ และอาหารไทยต้นตำรับ และอาหารทะเล ด้าน McFarland House เป็นห้องอาหารวิวทะเลที่สวยที่สุด พร้อมบริการคุณด้วยอาหารยุโรปสมัยใหม่เพื่อสุขภาพ ในระหว่างวันยังสามารถจิบเครื่องดื่มไปพร้อมอาหารว่างแสนอร่อยที่ You & Mee ร้านอาหารและบาร์ริมสระน้ำในบรรยากาศสบายๆ Fountain Bar บาร์เปิดใหม่ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแสนสบายของบาร์ที่พร้อมจะทำให้ทุกคืนของคุณต่อจากนี้สนุกยิ่งขึ้น โดดเด่นที่สุดคือ เดอะ บาราย สปา มากรางวัล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเขมรโบราณ จุดหมายปลายทางที่หลายคนอยากมาเช็กอินที่หัวหิน เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย เร้นกายสู่พื้นที่แห่งความสงบ ไปพร้อมกับการได้บำบัดกายและใจแบบองค์รวม ท่ามกลางความอลังการของโครงสร้างอาคาร แวดล้อมไปด้วยสวนสวยและร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินให้คุณอีกได้มากมาย อาทิ โยคะ ยิงธนู สนามพัตกอล์ฟ ปั่นจักรยานริมชายหาด เด็กอายุ 4-12 ปีก็สามารถสนุกไปกับ สนามเด็กเล่นเอาต์ดอร์ และ แคมป์ไฮแอท ผู้ใหญ่ก็มี ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ที่เปิดตลอด 24 ชม. ช็อปจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก รวมทั้งยังมีห้องประชุมสัมมนา พื้นที่เอาต์ดอร์กว้างขวาง อุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมมอบงานเลี้ยงสังสรรค์ งานประชุมสำคัญ กิจกรรมในฝันให้กับคุณ ภายใต้นโยบายของการดำเนินงานเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   สิทธิพิเศษ กรอกโค้ด BENZ เพื่อรับ ส่วนลด 20% จากราคา Bed and Breakfast สำหรับห้องพักที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เมื่อเข้าพักกับทางโรงแรม 2 คืนรับสิทธิประโยชน์ บัตรกำนัลสปาทรีตเมนต์ (สำหรับเมนูอะลาคาร์ท) ที่ THE BARAI Spa ชุดน้ำชายามบ่าย 1 ชุด ที่ห้องอาหารแมคฟาร์แลนด์เฮ้าส์/ การเข้าพัก 2 คืน จองได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม - 30 กันยายน 2567 เข้าพักได้ถึง 20 ธันวาคม 2567 เงื่อนไข กรุณาชำระด้วยบัตรเครดิต UOB Mercedes เท่านั้น เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงแรมกำหนด   สาขาที่ร่วมรายการ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และ เดอะบาราย 91 ซอยหมู่บ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ www.hyattregencyhuahin.com   ระยะเวลา 1 กรกฏาคม - 30 กันยายน 2567        

นาฬิกา New Aquis คือ ความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติที่อยู่บนตัวเรือนเวลารุ่นนี้ โดย ORIS มีความตั้งใจที่จะทำให้ The Best Selling Collection นี้ มีความแตกต่างจากที่ ORIS Friends ทั่วโลก ต่างคุ้นเคยกันมาในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และรองรับกับทุกความต้องการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับความสวยสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในเรื่องราวสำคัญของ คอลเลกชัน New Aquis Date คือ นาฬิกาขนาดตัวเรือน 36.50 มม. ในแบบรูปลักษณ์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มสัมผัสพิเศษที่ให้ความรู้สึกหรูหรายิ่งขึ้น โดย นาฬิกา New Aquis Date 36.50 มม. มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของรูปทรงตัวเรือนและรูปลักษณ์ อันได้แก่ วงแหวนขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้แคบลง พร้อมขอบเซรามิกทนทานที่มีหลักชั่วโมงทรง Baton ที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ที่ดูเบาขึ้น และนุ่มนวลขึ้นกว่าสเกลนาทีแบบเลขอารบิคในรุ่นเดิม รวมถึงชุดเข็มหลักชั่วโมง รูปแบบขาสาย และขนาดของสาย ในส่วนรายละเอียดของนาฬิกา มีการเพิ่มการขัดเงาที่ตัวเรือน ขอบวงแหวน เม็ดมะยม และบ่าป้องกันเม็ดมะยม พร้อมด้วยสายนาฬิกาดีไซน์ H แบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อนาฬิกา Aquis Date ขนาด 36.50 มม. โดยเฉพาะ โดยข้อต่อแบบ H-link แต่ละข้อจะถูกขัดเงาและยึดไว้ด้วยข้อต่อตรงกลางแบบขัดด้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับตัวเรือนนาฬิกาด้วยขาตัวเรือนแบบขัดเงา สร้างสัมผัสที่แตกต่างจาก Aquis รุ่นเดิมและยังทำให้นาฬิกาดูหรูหราและมีเสน่ห์มากขึ้น โดยไม่สูญเสียจุดประสงค์ของการเป็นนาฬิกา toolwatch ที่สวมใส่ได้ทุกวัน  นาฬิกาจะมีให้เลือกสามสี คือ แบบหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีครีม ที่จับคู่เข้ากับขอบหน้าปัดเซรามิกสีเทา แบบหน้าปัดสีดำ Eternal Black ที่แมทช์เข้ากับขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำ และแบบที่สาม รุ่น Upcycle ที่มาพร้อมหน้าปัดพลาสติก PET รีไซเคิล เช่นเดียวกับจานวันที่ที่มีสีเข้ากันกับหน้าปัด และหลักชั่วโมงที่มีปลายรูปทรงเพชรที่ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ที่งดงาม ภายในของนาฬิกา Aquis Date ขนาด 36.50 มม. เปี่ยมประสิทธิภาพด้วย Calibre 733 ระบบกลไกออโตเมติก Swiss Made คุณภาพสูงที่เก็บพลังงานจากการเคลื่อนไหวของ Red Rotor อันเป็นเอกลักษณ์ของ Oris ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกระจกฝาหลังของนาฬิกา ซึ่งมีพลังงานสำรอง 38 ชั่วโมง และสามารถกันน้ำได้ 300 เมตร เพื่อรองรับการใช้งานทั้งนักดำน้ำมืออาชีพ และการสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี   รายละเอียดนาฬิกา Aquis Date 36.50 มม.   ตัวเรือน สเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น วงแหวนขอบหน้าปัดเซรามิกหมุนได้ทิศทางเดียว  ขนาด 36.50 มม, 1.437 นิ้ว หน้าปัด สีดำ สีครีมเปลือกหอยมุก หรือ พลาสติก PET รีไซเคิล   วัสดุเรืองแสง เข็มนาฬิกา และขีดบอกเวลา เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova®  กระจกหน้าปัด แซฟไฟร์ โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน ฝาหลัง สเตนเลสสตีล ขันสกรู กระจกมิเนอรัลเปลือยให้เห็นกลไกภายใน ปุ่มปรับตั้งเวลา เม็ดมะยมนิรภัยสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว สายนาฬิกา สายสเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับ หรือสายรับเบอร์สีดำ หรือสีครีม พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับ  การกันน้ำ 30 บาร์ (300 เมตร)   กลไกนาฬิกา หมายเลขเครื่อง Oris 733 ฟังก์ชั่น เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาทีจากจุดศูนย์กลางเดินแบบกวาด กลไกปรับตั้งวันที่ได้อย่างรวดเร็ว หยุดเข็มวินาที หน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา  การขึ้นลาน อัตโนมัติ  พลังงานสำรอง 38 ชั่วโมง การรับประกัน* ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 3 ปี เมื่อลงทะเบียน MyOris ใช้สำหรับนาฬิกาและกลไก ตรวจเช็คการกันน้ำตามระยะเวลาที่แนะนำ 5 ปี   ☎ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรคาเดโร ไทม์  โทร. 084 088 2189, 0 2163 0555

โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มาตรฐานระดับโลกจากอเมริกา ชวนเช็กอินเสาร์ที่ 2 มี.ค. 67 ให้ผู้ปกครองร่วมสัมผัสกับบรรยากาศการเรียนการสอนจริงในกิจกรรม OPEN HOUSE ! เบซิส กรุงเทพฯ (BASIS International School Bangkok) โรงเรียนนานาชาติระดับโลก ลำดับที่ 35 ในเครือข่ายโรงเรียน BASIS Network School จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีหลักสูตรเฉพาะที่ถูกออกแบบและพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนที่ดีที่สุดในอเมริกา  เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนจบมัธยมปลายที่ Grade 12 นับเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มข้นทางวิชาการ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของนักเรียนอย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนประสบความสำเร็จตามศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตและแข่งขันได้ในระดับสากล โรงเรียนเครือข่ายเบซิสสามารถผลักดันให้นักเรียนก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกมาแล้วมากมาย และสร้างชื่อเสียงในฐานะบุคลากรคุณภาพในสังคมโลก นับเป็นความมุ่งหมายสูงสุดในการนำพา เบซิส กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่ความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับการบูรณาการหลักสูตรให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ปลูกฝังความเป็นไทยในทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานในระดับสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่ เบซิส กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดของประเทศไทยไปแล้ว นอกจากเบซิส กรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญด้านวิชาการมาเป็นอันดับหนึ่ง สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมีคุณภาพยังเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นพบความชอบของตนเองอีกด้วย การคัดสรรบุคลากรครูผู้สอนแต่ละท่านเปี่ยมด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนจะสามารถเป็นเลิศได้ โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ พร้อมแล้ว ที่จะเปิดบ้านครั้งใหม่ ในกิจกรรม Open House ให้เข้าเยี่ยมชมสถานที่และไขข้อสงสัยว่า

บ้านขนิษฐาแอนด์แกลเลอรี่ (สาทร) ลิ้มรสอาหารไทยต้นตำรับรสชาติไทยแท้ในกรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศร้านผสมผสานด้วยงานหัตถกรรมโบราณ งานประติมากรรม จิตรกรรม กลิ่นอายของความเป็นไทย ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ในบรรยากาศที่หรูหรา ร่มรื่น สะดวกสบายกับการเดินทางด้วย MRT สถานีลุมพินี และ BTS สถานีช่องนนทรี อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ถือเป็นอาหารจานพิเศษในการเริ่มต้นมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์ และยังเป็นวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร อาหารไทยก็เช่นเดียวกัน ร้านอาหารบ้านขนิษฐา นำเสนอเมนู “รวมมิตรเครื่องว่างต้นตำหรับ” หลากหลายเมนูยอดนิยมในจานเดียว เช่น ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลากราย ไก่ห่อใบเตย และปอเปี๊ยะทอด รับประทานคู่ 4 น่ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน “ยำส้มโอบ้านขนิษฐา” ที่คัดสรรส้มโอจาก อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม คลุกกับยำกับไก่ฉีกและกุ้ง ส้มโอหวานอมเปรี้ยวเข้ากับน้ำยำรสชาติกลมกล่อม หอมถั่วลิสงและมะพร้าวคั่วใส่น้ำพริกเผาในน้ำยำสูตรเด็ดไม่เหมือนใคร “น้ำพริกลงเรือปลาดุกฟูหมูหวาน” สูตรตำรับบ้านขนิษฐาจะใส่กุ้งและหมู ผัดกับเครื่องน้ำพริก ใช้มะม่วงดิบเพื่อเพิ่มความเปรี้ยว แต่งด้วยไข่เค็มแดง เคียงด้วยปลาดุกฟูและหมูหวาน รับประทานกับผักสด “ฉู่ฉี่กุ้งอยุธยา” กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ สดๆ ทอดกรอบ หอมเนื้อแน่นเต็มคำ ราดด้วยซอสฉู่ฉี่สูตรเด็ดเข้มข้นถึงเครื่องพริกแกง “ต้มยำกุ้งนางบ้านขนิษฐา” เน้นรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลัก จะออกเค็มและหวานเล็กน้อย มีเครื่องเทศที่ใส่ในน้ำแกงที่สำคัญคือ ใบมะกรูด ตะไคร้ “ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ” เมนูปูนิ่มยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ปูนิ่มที่ทอดจนเหลืองกรอบ นำไปผัดกับพริกไทยดำจนเข้ากัน รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดี “มะกรูดเชื่อมลอยแก้ว ลูกลานสีดอกอัญชัน” ของหวานไทย ที่ทำจากพืชผักสมุนไพร นำมาลอยแก้ว มีรสชาติหวานหอม สดชื่น ผลมะกรูดนำมาคว้านไส้ออกและเชื่อมในแบบชาววังแท้ เสิร์ฟแบบลอยแก้วใส่น้ำแข็งทุบ เคียงด้วยลูกลานที่นำไปเชื่อมในน้ำเชื่อมใส่น้ำดอกไม้อัญชัน และ ขนมหม้อแกงกล้วยไข่เชื่อม บ้านขนิษฐา สาขาสาทร สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ 02-6754200, 083-2975467

โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มาตรฐานระดับโลกจากอเมริกา ชวนเช็กอิน วันเสาร์ที่ 28 ต.ค. 66 นี้! เบซิส กรุงเทพฯ (BASIS International School Bangkok) โรงเรียนนานาชาติระดับโลก ลำดับที่ 35 ในเครือข่ายโรงเรียน BASIS Network School จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีหลักสูตรเฉพาะที่ถูกออกแบบและพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนที่ดีที่สุดในอเมริกา เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนจบมัธยมปลายที่ Grade 12  นับเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มข้นทางวิชาการ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของนักเรียนอย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนประสบความสำเร็จตามศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต และแข่งขันได้ในระดับสากล โรงเรียนเครือข่ายเบซิสสามารถผลักดันให้นักเรียนก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกมาแล้วมากมาย และสร้างชื่อเสียงในฐานะบุคลากรคุณภาพในสังคมโลก นับเป็นความมุ่งหมายสูงสุดในการนำพา เบซิส กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่ความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับการบูรณาการหลักสูตรให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย โดยการนำเอาเอกลักษณ์ของภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรม มาเป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝังความเป็นไทยในทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานในระดับสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่ เบซิส กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดของประเทศไทยไปแล้ว นอกจาก เบซิส กรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญด้านวิชาการมาเป็นอันดับหนึ่ง สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมีคุณภาพยังเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นพบความชอบของตนเองอีกด้วย การคัดสรรบุคลากรครูผู้สอนแต่ละท่านเปี่ยมด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนจะสามารถเป็นเลิศได้ โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ พร้อมแล้ว ที่จะเปิดบ้านครั้งใหม่ ในกิจกรรม Open House ให้เข้าเยี่ยมชมสถานที่และไขข้อสงสัยที่ว่า

ผู้สนใจเข้าชมงาน ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ Call Center โทร.1265 หรือสแกน QR Code MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศจัดงานยิ่งใหญ่ “The Forestias Story & Beyond” เปิดให้ลูกบ้านเจ้าของโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ในเดอะฟอเรสเทียส์ พันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ เข้าร่วมสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่จะทำให้คุณได้มีความสุข สนุก และประทับใจ ไปพร้อม ๆ กับการรับทราบข้อมูลความคืบหน้า และรับทราบข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ รวมทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ใน “เดอะ ฟอเรสเทียส์”   วันเสาร์ที่ 10 และวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายนนี้ วันละ 3 รอบ ได้แก่ รอบเวลา 13.00 - 15.00 น., รอบเวลา 15.30 - 17.30 น. และรอบเวลา 18.00 - 20.00 น. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง และเป็นโครงการเมืองแห่งแรก ที่ออกแบบทุกมิติเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น เตรียมจัดงานสุดยิ่งใหญ่ในรูปแบบ Immersive Event เพื่ออัปเดตความคืบหน้าของโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ โครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า, มัลเบอร์รี่ โกรฟ คอนโดมิเนียม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ วิสซ์ดอม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี และสกายวิลล่า   พร้อมกันนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ล่าสุด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ และเปิดตัวพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ที่จะมาเติมเต็มการใช้ชีวิต ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ ให้เต็มไปด้วยความสุขในทุกวันด้วย โดยการนำเสนอเนื้อหาและเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านโชว์สุดตระการตา และเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ตื่นตาตื่นใจ และรับชมอย่างเพลิดเพลิน”   ส่วนหนึ่งของไฮไลต์พิเศษภายในงาน คือการสัมผัสกับประสบการณ์ครั้งแรกของโลก ที่โครงการอสังหาริมทรัพย์จะเชื่อมที่อยู่อาศัยในโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ความเป็นอยู่ที่ง่ายสะดวกสบาย มีความสุข และสนุกยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นอกจากนั้น คือการได้ยลโฉม The New Themed Destination in the World พื้นที่จุดหมายแห่งความสุขในทุกวันสำหรับทุกคนและทุกเจเนอเรชัน และการเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ล่าสุดในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ชื่อว่า “เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์” คอนโดมิเนียมหรูที่มุ่งตอบโจทย์ผู้ต้องการคอนโดพื้นที่ขนาดใหญ่ มีความเป็นส่วนตัว และใกล้ชิดธรรมชาติ โดยรับชมรูปแบบ Virtual Reality สุดล้ำ และพบกับเทคโนโลยีล้ำสมัยต่าง ๆ ที่จะช่วยบอกเล่าเรื่องราวของเดอะ ฟอเรสเทียส์ อย่างน่าตื่นเต้นและน่าประทับใจ นอกจากนั้น ภายในงานยังจะได้พบกับศิลปินชื่อดัง ขวัญใจมหาชน “ครอบครัวบีม กวี – ออย อฏิพรณ์ – น้องธีร์ – น้องพีร์ ตันจรารักษ์”  ที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอสตอรี่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ พร้อมทั้งศิลปินค่าย One เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ไบร์ท นรภัทร, แจม รชตะ, ฟิล์ม ธนภัทร, ตรี ภรภัทร, วิน ทรงสิน และเอิร์ท ธนกฤต

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชม โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ในรูปแบบ Virtual Reality ได้ในงาน The Forestias Story and Beyond ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน วันที่ 10 - 11 มิถุนายนนี้ โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center 1265 MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศวันนี้ว่า บริษัทฯ กำลังก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยแห่งใหม่ มูลค่า 5,900 ล้านบาท ความสูง 44 ชั้น ในชื่อ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ ของโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7    ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ คือหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิลล่าสุดหรู ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ในประเทศไทยอีกด้วย โดยที่พักอาศัย เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ติดกับป่าขนาด 30 ไร่ ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ และเชื่อมโดยตรงกับทางเดินยกระดับที่ทอดยาวเหนือผืนป่า ความยาว 1.6 กิโลเมตร  นายยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ MQDC เปิดเผยว่า “ที่พักอาศัยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กว่าทั่ว ๆ ไป กระทั่งแบบมีสระส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และง่ายที่จะเข้าถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบใจกลางเมือง ที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มอบให้ โดยอาคารโครงการความสูง 44 ชั้น มีเพียง 122 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งเป็นยูนิตแบบมีพื้นที่กว้างขวาง และทุกยูนิตเปิดรับวิวป่าแบบพาโนรามา และทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ของงานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำ ทั้งในผืนป่าและเหนือผืนป่า” ห้องพักอาศัยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 140 ตารางเมตร ไปจนถึง 350 ตารางเมตร โดยมีห้องแบบเพนท์เฮาส์ขนาดพื้นที่ใช้สอย 917 ตารางเมตร บนชั้น 43 ส่วนจำนวนห้องนอนก็มีเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 2 ห้องนอน ไปจนถึง 5 ห้องนอน โดยที่พักอาศัยแบบฟรีโฮลด์แห่งนี้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 37 ล้านบาท สำหรับยูนิตขนาด 2 ห้องนอน และราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท สำหรับยูนิตขนาด 3 ห้องนอน   ตัวอาคารของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้รับการออกแบบโดย Foster + Partners โดยแนวคิดของโครงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้แก่ผู้อยู่อาศัย เราจึงพิถีพิถันใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียด บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในเรื่องของความเป็นส่วนตัว โดยได้สร้างโถงทางเดินและบันไดสำหรับงานบำรุงรักษาไว้ในจุดต่าง ๆ  “การออกแบบนี้จะช่วยให้ช่างสามารถเข้าบริการหรือดูแลรักษางานระบบอาคาร โดยเฉพาะงานท่อหลักได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องพักอาศัย อีกทั้งยังสามารถบำรุงรักษาอาคารให้ได้มาตรฐานระดับพรีเมียมอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนรวมที่ลูกบ้านใช้ประจำ” นายยุทธนากล่าว   นอกจากนั้น การออกแบบพื้นที่ภายในยังมีความเป็นสัดส่วน โดยแยกพื้นที่ที่ผู้ช่วยดูแลบ้านต้องใช้ เช่น พื้นที่ห้องครัวไทย และห้องพักของผู้ช่วยดูแลบ้าน ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ทุกยูนิตยังมีล็อบบี้ลิฟต์ส่วนตัวอีกด้วย อีกทั้งยังได้ออกแบบโถงล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย ซึ่งแยกเป็นสัดเป็นส่วนกับล็อบบี้หลักของอาคาร หนึ่งในลักษณะพิเศษที่เป็นจุดเด่นของโครงการ คือมีที่นั่งพักผ่อนภายนอกอาคารมากมาย รวมไปถึงสวนส่วนตัว สนามหญ้าอเนกประสงค์ ระเบียงชายป่า และบ้านต้นไม้ นอกจากนั้น ยังได้นำเอาวัสดุพิเศษมาใช้ ในการก่อสร้างฟาซาด เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น    ที่พักอาศัยโครงการ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ใกล้กับ โฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในสไตล์ที่จะมาเติมเต็มพื้นที่ และสะท้อนธีมใกล้ชิดธรรมชาติของซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับมีทางเดินเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างอาคารที่พักอาศัยและอาคารโรงแรม ซึ่งการตั้งอยู่ใกล้เคียงแบบเชื่อมถึงกันได้อย่างสะดวกสบายกับโรงแรม และพื้นที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เป็นสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมที่สำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับลูกค้าเจ้าของที่พักอาศัย โครงการซิกเนเจอร์ ซีรีส์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในสิ้นปี 2568 และเตรียมเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป   นายยุทธนา กล่าวว่า ขอเชิญชวนผู้สนใจ ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ Call Center โทร. 1265 หรือ  https://mqdc.link/3q2GmZX โดยผู้จองที่พักอาศัยเดอะ ฟอเรสเทียร์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ 30 ยูนิตแรก ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษราคา VVIP ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2.5 ล้านบาท พร้อมกับจะได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม ในการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่โฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียร์ มูลค่าสูงสุดถึง 500,000 บาท นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “ที่พักอาศัยอื่น ๆ อีก 4 แบรนด์ของเรา ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ถึงตอนนี้ทำยอดขายรวมกันมากกว่า 22,000 ล้านบาทไปแล้ว”   “ผมเชื่อว่า เหตุผลที่โครงการได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้น อยากใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าทั่ว ๆ ไป ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวเยอะ ๆ และอยากอยู่ในโครงการที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัทที่ได้รับการยอมรับนับถือในระดับโลก ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และผมคิดว่า ที่คนเชื่อมั่นว่าโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ของเรามีศักยภาพสูงในด้านของการลงทุน เป็นเพราะการที่โครงการตั้งอยู่ในทำเลเชื่อมต่อพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อน และส่งเสริมให้โครงการมีความน่าดึงดูดใจ” นายกิตติพันธุ์กล่าว

ผู้คนอายุยืนขึ้นทำให้ความต้องการที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์คนวัย 50+ เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่มาพร้อมการดูแลและการบริการที่ส่งเสริมให้คนวัยนี้ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสุขภาพดี มีอิสระพึ่งพาตัวเองได้ และปราศจากความกังวล   MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย มุ่งพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป ที่กำลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคนกลุ่มนี้กำลังมองหาที่พักอาศัยที่เข้าใจความต้องการซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของคนในช่วงวัยนี้ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ เป็นโครงการที่พักอาศัยโครงการแรกของ MQDC ที่มุ่งจับตลาดนี้ โดยโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ ของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 7 ถนนบางนา-ตราด โดยจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย   นางสาว เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดเผยว่า “คนทุกวันนี้คาดหวังที่จะมีชีวิตหลังเกษียณแบบสบาย ๆ มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีสุขภาพแข็งแรงแม้จะอายุเข้า 80-90 ปี แล้วก็ตาม เราได้เล็งเห็นศักยภาพที่สูงมากในตลาดโครงการที่พักอาศัย เซ็กเมนต์ใหม่นี้ที่เปิดโอกาสให้คนวัยนี้ที่ยังแข็งแรงอยู่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต่างไปจากเดิม เพียงแต่ให้มีการบริการที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งมีกิจกรรมที่จะมาเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจ” นางสาว เฮ จูน พาร์ค กล่าวต่อไปว่า “ผู้สูงวัยมักจะอาศัยอยู่กับลูกหลานอันเป็นที่รัก แต่เนื่องจากเป็นคนต่างรุ่น ต่างวัยกัน ทำให้มีความต้องการทางด้านไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน แบบของบ้านหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีอยู่ในบ้าน อาจจะไม่สมบูรณ์พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการดูแลรักษาสุขภาพ แต่ที่พักอาศัยโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ได้การออกแบบให้เป็นอาคารที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมและสกายวิลล่าระดับเฟิร์สคลาส มีจุดเด่นพิเศษทางด้านดีไซน์ที่ให้ความปลอดภัย และเอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในวัยนี้มากกว่า อีกทั้งยังมีบริการที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านการดูแลรักษาสุขภาพของวัยที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ หรือความต้องการอื่น ๆ ในบริเวณบ้าน หรือไปจนถึงบริการนอกบ้าน อย่างเช่น อำนวยความสะดวกการเดินไปที่ทาวน์เซ็นเตอร์ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ หรือเดินเล่นในป่าเนื้อที่ 30 ไร่ เป็นต้น”  ภายใต้แนวคิดการดูแลตลอดชีวิต (Life-time Care) ของดิ แอสเพน ทรี เพียงจ่ายเงินซื้อบ้านครั้งเดียว คือนอกจากจะได้ที่พักอาศัยแล้ว เจ้าของบ้านยังจะได้รับประกันสุขภาพ  ซึ่งครอบคลุมความจำเป็นด้านการรักษาพยาบาลไปจนถึงอายุ 99 ปี รวมทั้งได้รับการดูแลการใช้ชีวิตแบบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการแม่บ้านทุกสัปดาห์ อาหารเช้า บริการอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลด้านโภชนาการเป็นพิเศษ หรือสิทธิในการใช้บริการห้องรับประทานอาหารส่วนกลาง และคลับเฮาส์ที่มีโปรแกรมฟิตเนสพิเศษ ในการบริหารร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกิจกรรมทางสังคม อย่าง กลุ่มเรียนศิลปะ และงานฝีมือ เป็นต้น นอกจากนั้น ดิ แอสเพน ทรี ยังมีศูนย์สุขภาพและสมอง (Health & Brain Center) ที่มีบริการทางการแพทย์พิเศษเฉพาะ เพื่อให้บริการหากผู้พักอาศัยของโครงการต้องการ นางสาว เฮ จูน พาร์ค กล่าวว่า การที่โครงการมอบบริการและสิ่งต่าง ๆ อย่างครบวงจรเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของผู้พักอาศัย อันเกิดจากความไม่แน่นอนต่าง ๆ ในชีวิตให้น้อยลง “แนวคิดการดูแลตลอดชีวิตหรือ Life-time Care ของดิ แอสเพน ทรี ช่วยขจัดความวิตกกังวลหลายอย่างที่เป็นปัญหาใหญ่ของวัย 50 ขึ้นไป และด้วยบริการที่หลากหลายในโครงการ ทำให้ผู้อยู่อาศัยในวัยนี้สามารถที่จะอยู่อย่างมีความสุข มีความสบายใจไปกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้ แม้ในขณะที่อายุของตนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยญาติพี่น้อง หรือเพื่อนพ้องในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเงิน เนื่องจากไม่มีภาระค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายเมื่อเข้าพักอาศัยในโครงการ ซึ่งโดยทั่วไปค่าส่วนกลาง อาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่มขึ้นแบบคาดเดาไม่ได้ในอนาคต และในขณะเดียวกันผู้อาศัยก็จะหมดกังวลเรื่องการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รวมเอาไว้ในราคาที่ซื้อกับโครงการแล้ว” นางสาว เฮ จูน พาร์ค กล่าว นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการของ MQDC ได้แสดงความมั่นใจในกระแสตอบรับที่มีต่อแนวคิดการดูแลตลอดชีวิต ทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและลูกค้าต่างชาติ โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรสูงวัย   “คนสูงวัยที่เพิ่มขึ้นนี้ มีสุขภาพดีกว่าเมื่อก่อน เพราะฉะนั้น เราจะมีคนจำนวนมากขึ้นที่แสวงหาการใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ มีความสุขในช่วงวัย 60 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องการพึ่งพาใคร สามารถใช้ชีวิตอิสระ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมการใช้ชีวิตอิสระโดยไร้ความกังวล แบบที่ดิ แอสเพน ทรี มอบให้ จึงมีความสำคัญเป็นพิเศษต่อคนรุ่นนี้” นายวิทยากล่าว   “แนวโน้มดังกล่าวนี้ หมายความว่าจะมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มองหาที่อยู่อาศัยซึ่งมีบริการที่ช่วยให้ตนเองสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้ความกังวัลได้ในช่วงวัยที่สวยงาม โดยไม่ต้องพึ่งพาให้ลูกหลานต้องกังวลคอยช่วยเหลือดูแลปรนนิบัติทุกอย่าง นายวิทยาเปิดเผยว่า MQDC เปิดโอกาสให้สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่จะได้เข้ามาสัมผัสกับความยอดเยี่ยมของโครงการแนวคิดใหม่ดังกล่าวนี้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป MQDC นำเสนอแพ็คเกจทดลองอยู่ ในโครงการ ดิ แอสเพน ทรี แบบแพ็คเกจระยะเวลา 1 ปี และระยะเวลา 5 ปี โดยขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1265 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ theaspentree.com    แพ็คเกจทดลองอยู่ แบบระยะเวลา 1 ปี มีให้เลือกสำหรับห้องพักขนาด 1 ห้องนอน หรือ 2 ห้องนอน โดยพื้นที่ใช้สอยมีขนาดตั้งแต่ 80 กว่าตารางเมตร ไปจนถึง 123 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการใช้ชีวิต และการทำกิจกรรมร่วมกันมากมาย ทุกยูนิตตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบ และแพ็คเกจทดลองอยู่ แบบระยะเวลา 5 ปี มีให้เลือกสำหรับห้องพักขนาด 1 ห้องนอน หรือ 2 ห้องนอน เช่นเดียวกัน แต่มีบริการเพิ่มเติมเรื่องประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยด้วย นอกจากนี้ MQDC ยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อยูนิตขนาด 2 ห้องนอน ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2566 จะได้รับเครดิตสำหรับซื้อบัตรโดยสารการบินไทย มูลค่า 350,000 บาท พร้อมกับเป็นสมาชิกสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส ของการบินไทยระดับโกลด์ 2 ปี เท่านั้นยังไม่พอ ดิ แอสเพน ทรี ยังมอบความสะดวกสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ จะได้รับบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท การ์ด มูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าเพื่อการพำนักในประเทศไทยในระยะยาว นอกจากนั้น ดิ แอสเพน ทรี ยังช่วยให้ลูกค้าต่างชาติสามารถปรับตัวในที่อยู่อาศัยใหม่ในประเทศไทยของตนได้ง่ายขึ้น ด้วยการมอบสิทธิพิเศษเวาเชอร์เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ มูลค่า 1 ล้านบาท ดิ แอสเพน ทรี ประกอบด้วย ที่พักอาศัยจำนวน 290 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 83 ตารางเมตร ไปจนถึง 253 ตารางเมตร ทุกยูนิตสามารถมองเห็นผืนป่าเดอะ ฟอเรสเทียส์ ขนาด 30 ไร่ ได้อย่างสดชื่นเต็มตา ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Call Center โทร.1265 หรือ เว็บไซต์ theaspentree.com สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนที่เอื้อและเปิดโอกาสให้คนต่างวัย ต่างไลฟ์สไตล์ ได้อยู่อาศัยร่วมกันแบบใกล้ชิดธรรมชาติในอาณาบริเวณใกล้กัน เชื่อมถึงกัน ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม มัลเบอร์รี่ โกรฟ บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า ที่ออกแบบเพื่อครอบครัวขยายหลายเจนเนอเรชั่น คอนโดมิเนียม วิสซ์ดอม และ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ซึ่งประกอบด้วยวิลล่าสุดหรูภายใต้การบริหารของแบรนด์ซิกส์เซนส์