‘บางกอกแอร์เวย์ส’ เปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารแห่งใหม่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารแห่งใหม่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารของสายการบินฯ โดยห้องรับรองผู้โดยสารนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ (ใกล้ประตูทางออกหมายเลข 4) ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 น. – 22.00 น. ทุกวัน
ห้องรับรองผู้โดยสารแห่งใหม่นี้มีพื้นที่รวม 134 ตารางเมตร แบ่งเป็น ห้องรับรองชั้นประหยัด (Boutique Lounge) สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ที่นั่ง และ ห้องรับรองชั้นธุรกิจ (Blue Ribbon Club Lounge) ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 20 ที่นั่ง โดยมีให้บริการของว่าง เครื่องดื่ม นิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสัญญาณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย
ผู้โดยสารสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.bangkokair.com หรือติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โทร.1771 ตลอด 24 ชั่วโมง (ค่าบริการครั้งละ 3 บาทบนโทรศัพท์พื้นฐาน)
RELATED POSTS
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อัปสกิลเซลส์ผ่านกิจกรรม “Friends of Mercedes” ดึง 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาชี้เส้นทางสู่คอนเทนต์ครีเอเตอร์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ผนึกกำลังตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “Friends of Mercedes” การประกวดเฟ้นหาที่ปรึกษาทางการขายที่มีความโดดเด่น และมีความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานการตัดสินและแนวคิด “Think Luxury, Act Luxury” เน้นย้ำการยกระดับแนวความคิดและการแสดงออกของที่ปรึกษาทางการขาย ในฐานะตัวแทนของแบรนด์ระดับลักชัวรี่ ผ่านการร่วมมือกับครีเอทีฟเอเจนซี่ชั้นแนวหน้าของไทย อย่าง บีบีดีโอ กรุงเทพ (BBDO Bangkok) ในฐานะที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร และมีบทบาทเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการตัดสินผู้ชนะของกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจากผลการตัดสิน มีที่ปรึกษาทางการขายจากแต่ละตัวแทนจำหน่ายฯ ที่ชนะเลิศและขึ้นชื่อว่าเป็น “Friends of Mercedes” ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 16 คน จากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 37 คน โดยมีคณะผู้บริหารจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำโดย มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร. คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะทุกคน ในกิจกรรม “Friends of Mercedes” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ดึง 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทยมาร่วมเป็นวิทยากรในการเสริมทักษะและองค์ความรู้ให้แก่ที่ปรึกษาการขาย ได้แก่ คุณพีท – ทสร บุณยเนตร Chief Creative Officer (CCO) จาก BBDO Bangkok คุณเต้ย – นิธิ ท้วมประถม เจ้าของช่อง Autolifethailand.tv และคุณอู๋ – อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของช่อง spin9 โดยวิทยากรทุกท่านได้แชร์เทคนิคและประสบการณ์ทั้งในด้านของการคิดครีเอทีฟไอเดีย การสร้างสรรค์วิดิโอ รวมถึงการใช้เครื่องมือในการทำคอนเทนต์ในปัจจุบันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มรูปแบบวิดิโอ อย่าง TikTok และ YouTube เพื่อให้ที่ปรึกษาการขายเข้าใจถึงแนวคิดและวิธีการต่าง ๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เชื่อว่าตัวแทนจำหน่ายฯ และที่ปรึกษาทางการขายทุกคน มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนการบริการ และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด กิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในด้านการสื่อสาร รวมถึงยกระดับแนวความคิดและทักษะต่าง ๆ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรมที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของแบรนด์ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการส่งมอบประสบการณ์และบริการระดับลักชัวรี่ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้แก่ลูกค้าทุกคน สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่: www.mercedes-benz.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand LINE: @mercedesbenzth
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับนิตยสารอะราวด์ มอบเงินสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดี
เนื่องในโอกาสครบรอบ 13 ปี นิตยสารอะราวด์ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับ นิตยสารอะราวด์ (AROUND Magazine) นำโดย คุณสุพรทิพย์ พงศาชำนาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Card Business, คุณยุพดี ชัยฉัตรพรสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และคุณอมรินทร์ คชรัตน์ กรรมการบริษัท ไลฟ์สไตล์ แอนด์ ทราเวล มีเดีย จำกัด จัดกิจกรรมเพื่อระดมทุน มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) ร่วมสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมี รศ.นพ.วิชัย ประสาทฤทธา อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นผู้รับมอบเมื่อเร็ว ๆ นี้
‘เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย’ เผยแผนธุรกิจปี 2566 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Ambition to Lead”
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) แถลงผลการดำเนินงานในปี 2565 พร้อมแสดงวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 โดยในระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา กวาดยอดขายรถในกลุ่ม Passenger Cars กว่า 2,043,900 คันทั่วโลก พร้อมโชว์ตัวเลขการเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่สูงถึง 124% ด้วยยอดขายกว่า 117,800 คัน โดยมีรุ่นที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ อย่าง EQA และ EQB ในด้านของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เติบโตถึง 34% ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 13,182 คัน ในปีที่ผ่านมา ยอดขายรถในเซกเมนต์ Dream Cars โตขึ้น 28% จากยอดขาย CLS และ C-Coupe ยอดขายรถ SUV เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถเซกเมนต์ Contemporary Luxury อย่าง The new C-Class E-Class และ S-Class โตขึ้น 12% ตามด้วยรถ Top-end Luxury อย่าง Mercedes-Maybach ตัวเลขยอดขายโตขึ้นกว่า 3 เท่าจากปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ ประธานบริหารคนใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย “มร. มาร์ทิน ชเวงค์” ที่ได้มีการประกาศวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” กับความมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยซึ่งสะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจ ทั้งการให้ความสำคัญเกี่ยวกับแผนงานด้าน ความยั่งยืน (Sustainability) การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้ พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การนำเสนอ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) และการมอบ ประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยไฮไลท์สำคัญของปีนี้ คือการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ลงตลาดประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line รถเอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกมิติ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมเดินทางในทุกเส้นทางด้วยการขับขี่ที่ไร้มลพิษ (Zero-emission) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูง วิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ผลิตและนำเข้าแบบ CBU พร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่ 3,020,000 บาท มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ที่สะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของ ความยั่งยืน (Sustainability) สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2582 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนของประเทศไทยที่ตั้งเป้าหมายเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 รวมถึงนโยบาย 30@30 ของบอร์ดอีวี ที่จะขยายสัดส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็น 30% ภายในปี 2572 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็ตั้งเป้าหมายในการทำให้รถทุกรุ่นที่อยู่ในพอร์ตของเรา เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2572 เช่นกัน" "และสิ่งสำคัญในการทำให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน คือการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้ พลังงานไฟฟ้า (Electrification) ให้กับผู้บริโภคในระดับโลก เราได้นำเสนอ VISION EQXX รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผ่านการทดสอบการขับขี่ในสภาพแวดล้อมจริง ด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าเราได้นำยนตรกรรมแห่งอนาคตมานำเสนอให้ทุกคนแล้วในวันนี้ โดยในประเทศไทย เรามีการเปิดตัว EQS 500 4MATIC AMG Premium ที่ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางกว่า 702 กิโลเมตร ต่อจากชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับโลกนี้ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวยนตกรรมในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด อย่าง C 350 e AMG Dynamic ที่เป็นรถ PHEV ในระดับลักชัวรี่ ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางเกินกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง" "และในปีนี้เราได้วางแผนในการขยาย EV Portfolio ในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line หนึ่งในรถภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ผ่านการร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าชั้นนำ ในประเทศไทย" "เมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นในการนำเสนอ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เราพร้อมมอบประสบการณ์ทีเหนือระดับในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอนวัตกรรมอย่าง จอแสดงผลแบบ Hyperscreen ระบบ MBUX เจเนเรชั่นใหม่ ระบบไฟหน้า Digital Light แบบ Ultra high range beam ที่ส่องสว่างได้ไกลมากกว่า 600 เมตร และแพ็กเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistance package) รวมถึงระบบลดวงเลี้ยวรถยนต์ (Rear Axle Steering) และนอกเหนือจากประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้สัมผัสผ่านยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว การมอบ ประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) ให้กับลูกค้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ โดยเรามีการสร้างการสื่อสารทั้งภายนอกและภายในองค์กร ในการประสานการทำงานเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า คนในองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราจะสามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายและสอดแทรกความเป็นแบรนด์ลักชัวรี่ในทุกมิติ ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้กับลูกค้าคนพิเศษของเราทุกคนอย่างไร้ที่ติ” มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้นำมาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เริ่มจากการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ของการจัดแสดงรถยนต์ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 โดยในปีนี้เราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำเสนอยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการจัดแสดงรถยนต์บนพื้นที่ใหม่ ที่บูธหมายเลข A19 บริเวณฮอล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ซึ่งมีการสร้างการรับรู้ให้สาธารณะผ่านแคมเปญการสื่อสารทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยความพิเศษของบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในบูธของเราไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตกรรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนี้ ภายในบูธจะถูกแบ่งโซนในการจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งมีให้ชมครบทุกรุ่นตั้งแต่รถยนต์ในแบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่มของรถ ICE และ PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รถยนต์สมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes-AMG รถยนต์ระดับ Top-End Luxury อย่าง Mercedes-Maybach พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย” นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับในส่วนงานของฝ่ายบริการลูกค้า เราได้เตรียมพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิตัลใหม่ ๆ ใน Mercedes Me Store ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการเช่น Rear Axle Steering ที่เป็นการลดวงเลี้ยวรถยนต์ เพื่อการควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น Active Distance Assistance Distronic ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่ หรือ Individualization ที่เป็นการเพิ่มความบันเทิงในรูปแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกบรรยากาศภายในรถทั้งเสียงและภาพที่แสดงบนหน้าจอหรือมินิเกมส์ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ในปีนี้จะมีการนำเสนอระบบการจ่ายเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกสถานะของรถ เมื่อนำรถเข้ารับบริการเพิ่มเติมจากบริการระบบออนไลน์เดิม ที่มีในส่วนของการนัดหมายเข้ารับบริการและแจ้งสถานะของรถขณะกำลังเข้ารับบริการ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัวด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อรถถึงระยะเข้ารับบริการหรือตรวจเช็กระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือระบบเบรก รวมถึงข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อมอบให้กับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเฉพาะ และในส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่แท้ อะไหล่ StarParts หรือ REMAN สำหรับรถยนต์ที่หมดระยะรับประกัน ผลิตภัณฑ์ยางที่ได้รับการรับรองจาก Mercedes-Benz MO/MOE รวมถึงการบริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และโปรแกรม MBSP แบบต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการตามการใช้งานของลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและคงประสิทธิภาพสูงสุดตลอดการใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย” “แน่นอนว่าอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเรา คือการสร้างยอดขายที่เติบโตในประเทศไทย ในปีนี้เราคาดหวังตัวเลขการเติบโตแบบ Double-Digit ผ่านการนำเสนอรถยนต์ทั้งหมด 8 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นคือรถเอสยูวีไฟฟ้า EQB 250 AMG Line ที่เปิดตัวในวันนี้ ทั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมที่เหนือระดับที่มาพร้อมการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย” มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุป