ปกป้องยานยนต์จากอุณหภูมิร้อนของโลกอย่างไรให้ถูกวิธี และมีประสิทธิภาพ
อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นทุกปี และในบ้านเราก็เช่นกัน ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทะลุ 40 องศา ในบางพื้นที่ทำสถิติสูงสุด 45 องศาความเป็นจริงที่โหดร้ายคือ แม้จะเป็นฤดูฝน หรือฤดุหนาว ความร้อนและแสงแดดก็ยังคงความรุนแรงไม่ได้แตกต่างจากฤดูร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว
ปัจจุบัน รถยนต์ Mercedes Benz ทุกคันต้องติดตั้งฟิล์มกรองแสงกันร้อนเป็นเรื่องปกติ แต่ฟิล์มที่ให้การปกป้องความร้อนและแสงแดดตามมาตรฐานทั่วๆ ไปที่มีให้บริการมากมายตามท้องตลาด ดูเหมือนอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานในสภาพอากาศของประเทศไทยอย่างทุกวันนี้ (จากการทดลองของผู้เขียน ฟิล์มทั่วไปที่ไม่สามารถกันร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ห้องโดยสารมีอุณหภูมิสูงประมาณ 50-60องศา ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเครื่องปรับอากาศ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และวัสดุอุปกรณ์ภายในรถ )
โรงงานผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงกันความร้อนมีหลากหลายแหล่ง แต่ละแหล่งจะมีระดับราคา ประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน และอายุการใช้งานที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า รวมไปถึงสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ๆจะนำไปใช้งาน บางพื้นที่ในเขตหนาว ฟิล์มกันร้อนคุณภาพสูงอาจไม่ได้จำเป็นที่สุด เพียงฟิล์มที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 99% ตามมาตรฐานก็เพียงพอ แต่หากผู้ใช้งานอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตร้อนหรือร้อนจัด ฟิล์มที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนสูง และสามารถพิสูจน์ได้จริง มีการยอมรับจากผู้ใช้งานโดยวงกว้าง คือตัวเลือกที่ควรนำมาพิจารณาเป็นลำดับแรก เพราะการติดตั้งฟิล์มแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย หากตัดสินใจผิด เลือกฟิล์มที่ประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนไม่เพียงพอ สู้สภาพอากาศในปัจจุบันไม่ไหว ก็อาจจจะต้องทำการลอกและติดตั้งฟิล์มใหม่ เสี่ยงต่อการที่รถจะช้ำจากการลอกฟิล์ม โดยเฉพาะการลอกฟิล์มที่กระจกบานหลังซึ่งอาจทำให้ไล่ฝ้าชำรุดเสียหายได้ ดังนั้นการลงทุนเลือกติดตั้งฟิล์มป้องกันความร้อนคุณภาพสูงที่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้บริโภคให้การยอมรับกันอย่างแพร่หลาย คือการลงทุนที่คุ้มค่า และสบายใจที่สุด
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ฉะนั้นการติดตั้งฟิล์มจึงเป็นเรื่องสำคัญ และควรเลือกฟิล์มที่กันร้อนได้ดีที่สุด พิสูจน์ได้จริง และการติดตั้งกับตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ มีใบรับประกันสินค้าชัดเจน จะช่วยให้สบายใจตลอดอายุการใช้ฟิล์ม